Friday, April 13, 2018

รถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่เทคโนโลยีสมัยใหม่แต่มีมากว่า 100 ปีแล้ว

รถยนต์ไฟฟ้าไม่ใช่เทคโนโลยีสมัยใหม่แต่มีมากว่า 100 ปีแล้ว

การใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนยานพาหนะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเทคโนโลยีที่ถูกคิดค้นและประดิษฐ์ขึ้นมาใช้กันตั้งแต่ร้อยปีก่อน ในปี 1828 Ányos Jedlik นักประดิษฐ์ วิศวกร และนักฟิสิกส์ชาวฮังกาเรียนได้ประดิษฐ์ยานพาหนะขนาดเล็กที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขึ้นมา ต่อมาปี 1835 มีโปรเฟสเซอร์ Sibrandus Stratingh จากฮอลแลนด์ออกแบบรถขนาดเล็กที่ใช้พลังงานจากแม่เหล็กไฟฟ้าตามหลักการทางฟิสิกส์ของโปรเฟสเซอร์ Michael Faraday และผู้ช่วยของเขา Christopher Becker ได้ประดิษฐ์ขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ทำการวิจัยต่อเนื่องจากโปรเฟสเซอร์ Stratingh เสียชีวิตเมื่อปี 1841

Ányos Jedlik สร้างรถขนาดเล็กที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในปี 1828


รถที่ใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าของโปรเฟสเซอร์ Sibrandus Stratingh
ตามหลักการฟิสิกส์ของโปรเฟสเซอร์ Michael Faraday

ส่วนในประเทศอเมริกามี Thomas Davenport เป็นช่างตีเหล็กและเป็นผู้ประดิษฐ์มอเตอร์ไฟฟ้าโดยใช้ระบบไฟกระแสตรงได้เป็นคนแรกในปี 1834 เขาเอาสิ่งประดิษฐ์ของเขาไปให้โปรเฟสเซอร์ Turner แห่งมหาวิทยาลัย Middlebury College ดู และในปี 1835 เขาได้เผยแพร่ให้สาธารณชนดู โดยโทมัสได้ประดิษฐ์โมเดลรถไฟขึ้นมาแล้วเอามาติดมอเตอร์ไฟฟ้าที่เขาคิดเพื่อใช้เป็นพลังงาน และสิ่งประดิษฐ์ของเขาจึงเป็นต้นแบบของรถรางไฟฟ้าหรือที่เรียกว่ารถ trolley, tram, streetcars, และ locomotive และในปี 1837 เขาได้จดสิทธิบัตรมอเตอร์ไฟฟ้า (Patent #132) และเอามอเตอร์ไฟฟ้านั้มาใช้เป็นพลังงานให้กับรถยนต์ขนาดเล็กด้วย


ยานพาหนะที่ใช้พลังงานไฟฟ้าได้ถูกพัฒนามาเรื่อย ๆ เพื่อเอามาแทนที่รถม้า จึงถูกเรียกว่า "horseless carriage" (รถม้าที่ไม่ใช้ม้า) ในยุคนั้นแบตเตอรี่ได้รับการพัฒนามาจนมีการใช้งานได้ดีในระดับเทียบเท่ากับแบตเตอรี่ในยุคปัจจุบัน ข้อมูลจากเว็บ www.lowtechmagazine.com/2010/05/the-status-quo-of-electric-cars-better-batteries-same-range.html ได้เขียนเปรียบเทียบแบตเตอรี่ในยุคนั้นกับแบตเตอรี่ในสมัยใหม่ อย่างเช่น รถ Nissan Leaf และ Mitsubishi-MiEV ที่ผลิตในปี 2010 แบตเตอรี่ที่ใช้ก็มีประสิทธิภาพเท่ากับรถ Fritchle ที่วิ่งได้ระยะทาง 100 ไมล์ (120 กม.) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เทคโนโลยีแบตเตอรี่ชาร์จเร็วก็เกิดขึ้นแล้ว (สามารถชาร์จได้ 80% ภายใน 10 นาที) สถานีเปลี่ยนแบตเตอรี่ สถานีชาร์จไฟ เทคโนโลยีมอเตอร์ในกงล้อก็มีแล้ว (in-wheel motors) การชาร์จไฟจากการเบรค (regenerative braking) ก็มีแล้วตั้งแต่ยุคปลายปี 1800 ถึงต้นปี 1900 ยานพาหนะไฟฟ้าจึงเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นและเข้ามาแทนที่รถม้าในยุคก่อน

รถ Fritchle ที่วิ่งได้ระยะทาง 100 ไมล์ (120 กม.) ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง

การสาธิตการเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้รถไฟฟ้าโดย Mr. Harry Salvat ประธานบริษัท The Fashion Automobile Station, Inc.
ซึ่งทำความเร็วในการเปลี่ยนแบตได้เร็วเท่ากันหรือเร็วกว่าการเติมน้ำมันเต็มถังซะอีก


โฆษณาเครื่องชาร์จไฟใช้ในบ้านโดยบริษัท GE Electric ที่โฆษณาว่าขายได้กว่า 8,000 เครื่องแล้ว
จากนิตยสาร New York MOTOR AGE วันที่ 2 พฤษภาคม 1912 หน้าที่ 88

แคตตาล็อกโฆษณาขายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในช่วงปี 1895 - 1925 http://www.lowtechmagazine.com/overview-of-early-electric-cars.html


รถไฟฟ้ากำลังาร์จไฟปี 1905


รถ Electrobats เป็นยานพาหนะที่ใช้แบตเตอรี่ซึ่งถูกออกแบบและประดิษฐ์โดย Henry G. Morris
และ Pedro G. Salom ถูกใช้เป็นรถแท๊กซี่ในกรุงนิวยอร์คในปี 1898



ที่จริงแล้วยานพาหนะที่ใช้พลังงานไฟฟ้านั้นเกิดก่อนการคิดค้นเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันถึง 50 ปี รถที่ใช้น้ำมันเป็นพลังงานคันแรกถูกประดิษฐ์โดย Karl Benz จดสิทธิบัตรในปี 1886


แบบจำลองรถที่ใช้เครื่องยนต์น้ำมันประดิษฐ์ในปี 1886 โดย Karl Benz

ช่วงต้นศตวรรษที่ 1900 คือยุคทองแห่งรถยนต์พลังงานไฟฟ้าเพราะใช้งานง่ายกว่ารถที่ใช้น้ำมัน โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มผู้หญิงเนื่องจากรถที่ใช้เครื่องยนต์ต้องสตาร์ทเครื่องด้วยการใช้ข้อเหวี่ยง (crank) จึงไม่ค่อยสะดวกต่อการใช้งาน

Stock Footage - VINTAGE. HAND CRANK. FRUSTRATED DRIVER (1910s) / CARS



Jay Leno เป็นเจ้าของคอลเลคชั่นรถโบราณ สาธิตการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตโดยบริษัท Baker ตั้งแต่ปี 1909 (วิ่งได้ 22 ไมล์ต่อชั่วโมง และวิ่งได้ประมาณ 100 ไมล์ต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง) เปรียบเทียบกับฟอร์ดโฟกัสรุ่นที่ใช้ไฟฟ้า


การผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมสูงมากในปี 1912 ขณะนั้นในประเทศอเมริกามีรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งบนท้องถนนราว 30,000 คัน 2 ใน 3 คันเป็นยานพาหนะส่วนตัว และในยุโรปมีประมาณ 4,000 คัน หลังจากนั้นรถยนต์ที่ใช้น้ำมันก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะว่าวิ่งเร็วกว่า วิ่งได้ระยะทางไกลมากกว่า (ไม่ใช่เพราะว่ามีพลังงานมากกว่า แต่เป็นเพราะมีปั๊มให้เติมน้ำมันเยอะกว่าสถานีชาร์จไฟของรถไฟฟ้า) ในปี 1908 บริษัทฟอร์ดได้ผลิตรถรุ่น Model-T ออกมาซึ่งขายในราคาแค่ 850 เหรียญ แล้วพอถึงปี 1912 ฟอร์ดลดราคาขายลงเหลือแค่ 650 เหรียญ และในปีเดียวกันรถยนต์น้ำมันที่ใช้การสตาร์ทด้วยระบบไฟฟ้าก็ออกมา พอมาช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ราคาน้ำมันก็เริ่มถูกลง มีการตัดถนนเพิ่มขึ้นรถยนต์ที่ใช้น้ำมันจึงได้รับความนิยมมากขึ้นและรถยนต์พลังงานไฟฟ้าก็เริ่มหายไป (http://www.lowtechmagazine.com/2010/05/the-status-quo-of-electric-cars-better-batteries-same-range.html)


อ้างอิง
1) https://en.wikipedia.org/wiki/Thomas_Parker_(inventor)
2)https://www.eee.hku.hk/doc/ccchan/CC_Chan_IEEE%20Proceedings%20The%20rise%20&%20fall%20of%20EVs.pdf
3) http://www.edisontechcenter.org/DavenportThomas.html
4) http://www.electricvehiclesnews.com/History/historyearlyII.htm
5) http://www.lowtechmagazine.com/2010/05/the-status-quo-of-electric-cars-better-batteries-same-range.html
6) http://www.lowtechmagazine.com/overview-of-early-electric-cars.html
7) https://www.chuckstoyland.com/category/automotive/early-electric-cars/electric-early-suppliers/electric-general-electric-motors/
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Tuesday, April 10, 2018

เบื้องหลังธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Motors

เบื้องหลังธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Motors

ชื่อของนิโคลา เทสลาเริ่มเป็นที่รู้จักจากยี่ห้อรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าของ Elon Musk ที่เขาได้เข้ามาลงทุนกับบริษัท Tesla, Inc. (ปัจจุบันเปลี่ยนเป็น Tesla Motors) ในครั้งแรกเป็นเงิน 7.5 ล้านเหรียญในปี 2004 หลังจากที่เขาขาย PayPal ให้กับ ebay ได้ในราคา 180 ล้านเหรียญ ตอนนั้นอีลอนยังไม่ได้เข้ามามีบทบาทในการบริหารงานใน Tesla เพียงแต่เป็นกรรมการและเป็นผู้ลงทุน ปัจจุบันเขาเป็น CEO และมีหุ้นเยอะที่สุดใน Tesla Motors (20.5%)


ในยุคเริ่มต้นบริษัท Tesla เริ่มก่อตั้งโดย Martin Eberhard และ Marc Tarpenning เมื่อปี 2003 โดยที่มาร์ตินจบปริญญาโทด้านวิศวกรรมไฟฟ้า และมาร์คจบการศึกษาปริญญาตรีด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ซึ่งเคยทำงาน ด้านการพัฒนาซอฟท์แวร์ให้กับบริษัท Textron ในประเทศซาอุดีอาระเบีย มาร์ตินและมาร์คเป็นเป็นเพื่อนกันทั้งคู่เคยร่วมกันทำบริษัท Nuvomedia (ทำเกี่ยวกับ E-Book) ต่อมาขายให้กับ Gemstar - TV Guide International ได้ 187 ล้านเหรียญแล้วใช้เงินนี้ลงทุนทำบริษัท Tesla ร่วมกัน ในปีแรกมาร์ตินและมาร์คพยายามทำรถต้นแบบรุ่นแรกคือ Tesla Roadster โดยมีบริษัท AC Propulsion ดูแลเรื่องการส่งกำลัง (powertrain) และบริษัท Lotus ดูด้านตัวถังและโครงสร้างของรถ
Marc Tarpenning และ Martin Eberhard

จนประมาณต้นปี 2004 ที่อีลอนสนใจเข้ามาร่วมลงทุนด้วย ขณะนั้นมาร์ตินเป็น CEO (Chief Executive Officer) ดูแลงานด้านบริหารและมาร์คเป็น CFO (Chief Financial Officer) ดูแลด้านการเงิน Tesla Roadster เป็นรถรุ่นแรกของ Tesla ที่มีดีไซน์แบบรถสปอร์ตยุคเก่าแต่ใช้ระบบพลังงานไฟฟ้า ซึ่งออกตัวช่วงปลายปี 2006 ขายในราคา 100,000 เหรียญ

เอกสารที่บริษัท Tesla ออกให้กับลูกค้าที่จองรถรุ่นแรก

แต่พอปี 2007 มาร์ตินฟ้องอีลอนในความพยายามเข้ามาควบคุมบริษัทและเป็นเหตุให้เขาถูกไล่ออกจากบริษัทที่ตัวเองก่อตั้งขึ้นมา เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 2007 ขณะที่มาร์ตินกำลังอยู่ใน L.A. เพื่อร่วมประชุมและพูดคุยกับสื่อในแวดวงยานยนต์เกี่ยวกับอนาคตของรถพลังงานไฟฟ้าและแผนทางธุรกิจของบริษัท เขาได้รับโทรศัพท์จากอีลอนซึ่งขณะนั้นเป็นกรรมการของ Tesla และเป็นผู้ลงทุนหลักของบริษัท อีลอนโทรมาแจ้งข่าวร้ายกับมาร์ตินว่าเขาถูกปลดจากการเป็น CEO เนื่องจากการคณะกรรมการของบริษัทได้ประชุมและลงความเห็นกันแล้วโดยที่จะมี Michael Marks เข้ามาเป็น CEO แทน และในวันที่ 8 สิงหาคม 2007 มาร์ตินลาออกจากตำแหน่ง CEO และรับตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการด้านเทคโนโลยี (President of Technology) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ถูกตั้งขึ้นมาเป็นเชิงให้เกียรติเขา แต่โดยตำแหน่งนี้เขาไม่ได้มีหน้าที่ในการบริหารงานให้บริษัท Tesla อีกแล้ว ต่อมามาร์ตินถูกบีบหลายทางจากอีลอนเพื่อให้เขาลาออก สุดท้ายเขาลาออกจากบริษัท Tesla ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2007 และมาร์คเพื่อนผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทจากเดิมที่เป็น CFO ตอนหลังดำรงตำแหน่งเป็นรองผู้อำนวยการ (ด้านวิศวกรรมไฟฟ้า) และออกจากบริษัทเมื่อปี 2008

มาร์ตินฟ้องอีลอนที่พยายาม "เขียนประวัติศาสตร์ใหม่" เพื่อให้เครดิตตัวเองในการพัฒนารถรุ่นแรก Tesla Roadster และกลั่นแกล้งโดยการใส่ร้ายทำให้เขาต้องถูกปลดออกจากตำแหน่ง (ตอนนั้นอีลอนเขียน blog กล่าวหาว่ามาร์ตินเป็นสาเหตุทำให้ Tesla Roadster ออกวางขายช้าและทำให้ราคาต้นทุนสูงขึ้น) รายละเอียดเอกสารฟ้องสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.businessinsider.com/tesla-the-origin-story-2014-10

ชื่อบริษัท Tesla เป็นชื่อที่ถูกตั้งโดยมาร์ตินเพราะเขาต้องการให้เครดิตกับนิโคลา เทสลา เนื่องจากเขาตั้งใจจะใช้AC induction motor (มอเตอร์ไฟฟ้าชนิดเหนี่ยวนำ) ที่ถูกคิดค้นโดยเทสลาและเป็นเจ้าของสิทธิบัตรที่จดไว้ตั้งแต่ปี 1888


อ้างอิง
1) https://en.wikipedia.org/wiki/Marc_Tarpenning
2) https://www.greentechmedia.com/articles/read/teslas-elon-musk-rebuts-claims-by-martin-eberhard#gs.OnQwPlM
3) https://www.wired.com/2009/06/eberhard/
4) http://www.businessinsider.com/tesla-roadster-history-2016-3
5) http://www.businessinsider.com/how-elon-musk-fired-tesla-ceo-2014-11