แมกซ์เด็กชายอายุ 13 ปี ชอบวิทยาศาสตร์มาก มีห้องแล๊บของตัวเองเป็นห้องทำความร้อนของบ้าน และมีไอดอลเป็นนักวิทยาศาสตร์อย่างเทสลาและไอน์สไตน์ เขาอยากทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นกว่านี้และเขาบอกว่า "ถ้าคุณมีพลังงานก็หมายถึงคุณมีอำนาจ คุณก็ทำได้ทุกอย่าง" แมกซ์ประดิษฐ์เครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบใช้พลังงานธรรมชาติจากกระป๋องกาแฟ ขดลวด คอล์ยสองตัว และช้อนหนึ่งคัน หมดเงินไป 15 เหรียญ เครื่องนี้สามารถสร้างคลื่นวิทยุได้ ให้ความร้อน และให้พลังงานที่คงที่ ซึ่งสามารถเปลี่ยนมาเป็นกระแสไฟฟ้าได้ ลองทำการทดสอบโดยเอาเครื่องมาตั้งข้างนอกแล้วเอาสายไฟ LED พันรอบตัวฝาแฝดของแมกซ์ดู มันก็ทำงานได้จริง แมกซ์กล่าวว่า "มันอาจจะฟังดูเชย แต่ผมรู้ว่าผมเกิดมาทำไม ผมเกิดมาเพื่อคิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่จะนำไปสู่อนาคต"
แมกซ์อายุ 13 ปีกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากพลังงานธรรมชาติ
แมกซ์บอกว่า "ถ้าเราจะทำให้โลกดีขึ้น ก็คือเราต้องให้ในสิ่งที่โลกยังไม่มี คนจะได้ไม่ต้องดิ้นรนเพื่อความต้องการพื้นฐานอย่างพลังงานนี่แหละ" เขากล่าวต่อว่า "เป้าหมายจริง ๆ ของผมคือสร้างอนาคตที่ทุกคนจะมีความสุข ผู้คนมีความเป็นอยู่ที่ดีและรู้สึกปลอดภัย"
ในคลิปที่สองนี้แมกซ์อัดไว้ตอนอายุ 12 ปี
เขาพาชมห้องแล๊บและทำคลิปขึ้นมาเพื่อแนะนำตัวเอง หลายอย่างที่แมกซ์คิดและพูดไว้อาจจะดูเกินอายุมาก แต่ก็น่าสนใจ
Max Laughan เรียนแบบโฮมสคูล อายุ 12 ปี จากเนวาดา สหรัฐอเมริกา
แมกซ์เป็นเด็กชายอายุเพียง 12 ปี อาศัยอยู่ที่รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ในคลิปวิดีโอนี้แมกซ์บอกว่าเพิ่งเริ่มทำโฮมสคูลได้ปีแรก เขารู้สึกชอบมันมากและตอนนี้แมกซ์กำลังเรียนคอร์สออนไลน์ของ MIT อยู่ด้วย นี่คือห้องแล๊บของเขาที่เป็นห้องทำความร้อนของบ้าน (boiler room) แมกซ์ใช้เป็นที่คิดค้นสิ่งประดิษฐ์และทำการทดลองต่าง ๆ เขากำลังทำงานเจ๋ง ๆ อยู่หลายอย่างและทุกอย่างกำลังไปได้ดี ยกตัวอย่างเช่น การคำนวณเพื่อออกแบบเครื่องฟิวชั่น ออกแบบจรวด สร้างโดรน ซึ่งแมกซ์อธิบายว่า "โชคไม่ดีที่ตอนนี้ไม่มีให้ดูเพราะมันตกไปแล้ว ในความเห็นของผมถ้าเกิดปัญหาการตกหรือมีอะไรที่ผิดปกติเกี่ยวกับการบินแบบนี้ จะมีอยู่สองประเด็นคือ ข้อบกพร่องจากการปล่อยหรือเป็นเรื่องของการออกแบบ สำหรับกรณีของผมมันเป็นเรื่องของการปล่อย เชื่อผมสิ"
แมกซ์ยังสร้างหุ่นยนต์ด้วยและนี่เป็นหุ่นยนต์ที่เขาออกแบบเอง แมกซ์บอกว่ามันช่วยให้เขาหาวิธีที่ต้องข้ามอุปสรรคให้ได้ มันทำให้เขาหาวิธีแก้ปัญหาด้วยวิธีการใหม่ ๆ แมกซ์อธิบายว่า "เช่นถ้าหุ่นยนต์มันล้มลงแบบนี้ เราจะปล่อยให้มันอยู่อย่างนั้นไหม ไม่สิ เราต้องทำให้มันลุกขึ้นมาใหม่ให้ได้ ผมเขียนโปรแกรมให้มันทำอะไรได้อีกหลายอย่าง แต่การหาวิธีแก้ปัญหาเป็นเรื่องที่ผมชอบที่สุด" แมกซ์บอกว่าการแก้ปัญหาเป็นสิ่งที่เขาชอบทำมากที่สุด แมกซ์ชอบวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็ก ๆ และรู้มาตลอดว่าเขามาเพื่อจะแก้ปัญหาต่าง ๆ มันอาจจะฟังดูเชยแต่เขารู้ตัวว่าเขาเกิดมาเพื่อช่วยโลกใบนี้
แมกซ์เล่าต่อว่าเขาไม่ได้สนใจแต่วิทยาศาสตร์อย่างเดียวเขาชอบเล่นกีฬาด้วย บางครั้งในช่วงฤดูหนาวเขาจะไปเล่น biathlon มันคือการผสมกันของกีฬาสองประเภทคือยิงปืนไรเฟิลกับเล่นสกี แมกซ์บอกว่า "มันยากมากแต่มันก็สอนหลักการใช้ชีวิตพื้นฐานให้เรา อย่างเช่นตอนเวลาที่คุณคิดว่าจะหยุดจะไม่ทำต่อละ เราต้องฝืนใจทำอีกหน่อยและนั่นแหละคือสิ่งที่คุณทำได้จริง ๆ"
แมกซ์ชอบอ่านการ์ตูนและแมกซ์คิดว่าการ์ตูนมันช่วยทำให้คิดและได้จินตนาการไปได้ไกลกว่าที่เรารู้ และเขายังเขียนการ์ตูนเองด้วยตั้งแต่หกขวบ เขายังถ่ายเอกสารเอาไปแจกที่ร้านหนังสือและแต่ก่อนก็เอาไปแจกให้เพื่อนที่โรงเรียนด้วย พอพูดถึงเรื่องหนังสือแล้วแมกซ์ชอบการอ่านมาก เขาพูดว่า "ผมไม่ได้เกิดมาแล้วเป็นแบบนี้เลย ผมต้องทำงานหนักมากกว่าจะได้มาถึงตรงจุดนี้ด้วยวิธีการอ่านหนังสือ" เขาอ่านหนังสือหลายเล่มโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับฟิสิกส์ แมกซ์ชอบเอาสิ่งที่เรียนรู้มามาประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง เขาบอกว่า "นั่นเป็นสิ่งที่ผมชอบทำคือการเอาสิ่งที่อยู่ในหนังสือมาใช้ในชีวิตจริง มันเป็นสิ่งที่แตกต่างกันมากแต่มันก็เป็นการได้เปรียบเทียบที่ดีทีเดียว" แมกซ์กล่าวขอบคุณที่ดูคลิปวิดีโอนี้ แมกซ์หวังไว้ว่า Space X น่าจะเป็นที่ที่เขาได้ทำงาน ไม่ใช่แค่เป็นประโยชน์กับตัวเขาเองที่จะได้เรียนรู้ให้มากขึ้น แต่ไอเดียของเขาจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นด้วย เขาพูดว่า "ถ้าผมมีความรู้แบบนักวิทยาศาสตร์และมีจินตนาการแบบเด็กอายุ 12 ปี คุณจะขออะไรอีกล่ะ"
คลิปที่สามแมกซ์ได้ไปพูดในงาน Nexus Global Youth Summit 2016
แมกซ์พูดในพิธีเปิดการประชุมซัมมิทครั้งที่ 6 ของ Nexus Global Youth Summit ที่ NYC
วันพุธที่ 20 กรกฎาคม 2559
วันพุธที่ 20 กรกฎาคม 2559
ผู้ดำเนินรายการได้พูดถึงแมกซ์ในตอนแนะนำว่าเขาได้ดูคลิปที่แมกซ์ออกรายการโทรทัศน์เมื่อ 2-3 เดือนก่อนและได้โทรศัพท์คุยกัน เขาบอกว่าการได้คุยกับแมกซ์ทางโทรศัพท์ทำให้เขารู้สึกว่ากำลังได้คุยกับหนึ่งในคนที่มีความคิดเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ในอนาคตและมีความเป็นอาจารย์ด้วย เป็นอาจารย์ที่สอนวิทยาศาสตร์ที่อายุแค่ 13 ปี และเป็นผู้พูดที่อายุน้อยที่สุดของ Nexus
ประเด็นแรกที่แมกซ์พูดคือการแก้ปัญหาที่ไม่สามารถแก้ได้ แล้วเขามักจะนอนไม่หลับ แมกซ์รู้สึกว่าเขาทนไม่ได้ที่จะถูกบอกว่าเรื่องนั้นไม่มีทางทำได้สำเร็จ (มันเป็นไปไม่ได้) อย่างตอนที่เขาแก้ปัญหาควอนตัมฟิสิกส์ไม่ได้แล้วโดนสั่งให้เข้านอน เขาก็แกล้งทำเป็นว่าเข้านอนและรอให้ทุกคนหลับ แล้วก็กลับไปที่ห้องแล๊บอีกครั้งทำงานจนเช้า ซึ่งในที่สุดเขาหาข้อผิดพลาดเจอและแก้ปัญหาจนได้ แมกซ์อธิบายคำว่า "เป็นไปไม่ได้" มันน่าจะถูกนิยามใหม่คือ "ยังไม่รู้วิธี" มากกว่า
แมกซ์ค่อนข้างตื่นเต้นกับการพูดบนเวที แต่มีประเด็นนึงที่เขาพูดได้น่าสนใจคือเรื่องของอนาคต เขาได้ดูหนัง Back to the Future (1985) ทั้งสามภาคและได้รับรู้ว่าภาพแห่งอนาคตควรจะเป็นเช่นไรจากการที่หนังเรื่องนี้ได้พยายามอธิบายออกมา เขาบอกว่ามันน่าทึ่งมาก แมกซ์พูดได้ชัดเจนดีประเด็นเรื่องของอนาคตเขาบอกว่า "แต่จนตอนนี้ปี 2015 ที่เพิ่งผ่านไปเราก็ยังไม่มี hoverboard ให้ใช้ อันที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือ Segway ซึ่งมันไม่ยุติธรรมเลย เราคิดว่าเราจะมีรถเหาะได้ แต่เรากลับได้รถไฟฟ้ามาซึ่งที่จริงแล้วมันมีตั้งแต่ปี 1828 นู่นแล้ว คือมันไม่ใช่เรื่องใหม่เลย ปัญหาของเราคืออะไรกันแน่ เรายังสร้างสรรค์ไม่พอหรือเปล่า หรือเรายังพยายามไม่พอ ผมว่าโชคร้ายที่พวกเราส่วนใหญ่ได้แต่ตั้งความหวังรอ นี่แหละปัญหาใหญ่ของเรา เรามัวแต่รอแทนที่จะพยายามขวนขวายไปให้ถึงอนาคตนั้น แล้วสร้างมันออกมา ดูเหมือนว่าเรามัวแต่รอให้มีคนมาเซิร์ฟสิ่งนั้นบนจานให้เรา"
แมกซ์เล่าว่าเขาพยายามทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อแก้ปัญหาที่เจอด้วยทรัพยาการที่มีอย่างจำกัด ทั้งออกแบบ สร้างมันออกมา และทดสอบมัน แทนที่จะมัวแต่เล่นวิดีโอเกมและดูโทรทัศน์ เขาเล่าว่า "ผมได้ประดิษฐ์สิ่งที่คิดว่ามันจะช่วยเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนได้ ตอนผม 5ขวบครึ่งผมสามารถแก้โจทย์สมการเลขที่ซับซ้อนได้ในขณะที่เพื่อน ๆ ในชั้นกำลังเรียนเรื่องการบวกและลบอยู่ ครูต้องเอาเกมคณิตศาสตร์ให้ผมทำเพื่อให้ผมหยุดคุย ตอน 6 ขวบผมเริ่มเขียนโปรแกรมด้วย C++ ซึ่งนำไปสู่การ hack คอมของโรงเรียนตอนผม 7 ขวบ ตอน 8 ขวบผมผสมระเบิดของเหลวได้ และก็เพิ่งอ่านตำราฟิสิกส์เล่มยักษ์เล่มที่ 5 จบ ตอน 9 ขวบผมทำธุรกิจเล็ก ๆ ให้เพื่อนเอาอุปกรณ์เทคโนโลยีที่เสียแล้วมาให้ผมซ่อม ตอน 10 ขวบผมเรียนจบคอร์สแรก (จาก 3 คอร์ส) ซึ่งเป็นคอร์สออนไลน์ของ MIT เรื่องหุ่นยนต์และควอนตัมฟิสิกส์ ตอน 11 ขวบผมทำจรวดเครื่องยนต์แบบ hydrofluorocarbon และทำหุ่นยนต์แบบ humanoid เสร็จซึ่งต่อสู้เก่งมากด้วย ผมประดิษฐ์ตัวส่งสัญญาณด้วยวงจรประสาทแบบใหม่ (neuro-cranial transmitter) ที่สามารถจับการเคลื่อนไหวได้ กลัวผมบ้างหรือยังเนี้ย (หัวเราะ) จน 12 ขวบผมได้ศึกษาควอนตัมฟิสิกส์อย่างลึกซึ้งและเริ่มบริษัทของตัวเอง Loughan Labs LLC" แมกซ์ยังพูดต่ออีกเรื่องสิ่งประดิษฐ์ของเขาที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าแบบใช้พลังงานธรรมชาติโดยใช้องค์ความรู้ของ electromagnetic ทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าซึ่งสามารถใช้เป็นพลังงานได้ฟรี โดยเขาใช้เครื่องเอาไว้ชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าซึ่งเขาภูมิใจมาก
คลิปที่ 4 แมกซ์พูดถึงสิ่งประดิษฐ์ของเขาที่จะช่วยโลกได้
แมกซ์เล่าให้ฟังเรื่องการเปลี่ยนพลังงานธรรมชาติให้มาเป็นกระแสไฟฟ้าด้วยความรู้ electromagnetic อย่างที่เขาประดิษฐ์และทดลองมาแล้ว เขาเชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องพลังงานให้โลกได้ สิ่งที่แมกซ์ต้องการคือการสนับสนุน เขาเล่าว่า "ในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา คนที่คิดแบบผมถูกดำเนินคดี ถูกฆ่า ถูกฆาตกรรม มีสิ่งแย่ ๆ เกิดขึ้นเยอะมาก ถ้าผมได้รับการสนับสนุนจากหลาย ๆ คน ผมคิดว่าเรื่องแบบนั้นไม่น่าจะเกิดขึ้นแล้วในยุคสมัยนี้ ถ้าคุณคิดว่าอยากให้โลกดีขึ้นกว่านี้ ก็แค่ให้การสนับสนุนก็พอ"
แมกซ์ นักฟิสิกส์อายุ 13 ปี
คนสัมภาษณ์เป็นนักเขียนหนังสือของเขาเกี่ยวกับพระเจ้า เขาถามแมกซ์ว่าในมุมมองของแมกซ์ พระเจ้าคืออะไร? แมกซ์ตอบอย่างน่าสนใจโดยใช้มุมมองของควอนตัมฟิสิกส์อธิบายว่า "ผมคิดว่าพระเจ้าคือพลังงานบางอย่างที่สร้างเราขึ้นมา เป็นเราทุกคน อยู่ทุกที่ และขณะเดียวกันก็ไม่มีอยู่ พระเจ้าหรือพลังงานอยู่ในตัวเรา และที่จริงก็คือเรานี่แหละ" (เรื่องนี้ค่อนข้างละเอียดอ่อนแต่ก็เป็นมุมมองของแมกซ์ที่ประยุกต์ใช้ความรู้และหลักการเชิงฟิสิกส์อธิบายตามความเห็นของเขา ซึ่งแมกซ์สามารถพูดและแสดงความเห็นได้อย่างตรงไปตรงมา - ผู้แปล)
เรื่องที่แมกซ์พูดเกี่ยวกับจักรวาล อวกาศ และมิติทางกาลเวลายากเกินกว่าความสามารถของผู้แปล แต่เอามารวมไว้ด้วยกันเผื่อมีผู้ที่มีความรู้ด้านนี้สนใจฟัง อย่างไรก็ตามเรื่องที่แมกซ์พูดเป็นการแสดงความเห็นตามความเข้าใจของเขา และในฐานะของผู้รับสารเราก็ควรต้องใช้วิจารณญาณพิจารณาข้อมูลไปด้วย - ผู้แปล
---------------------------------------------------------------------